อาหารและน้ำที่บริโภคควรมีฤทธิ์เป็นด่าง
Share: facebook_share อาหารและน้ำที่บริโภคควรมีฤทธิ์เป็นด่าง line_share อาหารและน้ำที่บริโภคควรมีฤทธิ์เป็นด่าง twitter_share อาหารและน้ำที่บริโภคควรมีฤทธิ์เป็นด่าง messenger_share อาหารและน้ำที่บริโภคควรมีฤทธิ์เป็นด่าง

อาหารและน้ำที่บริโภคควรมีฤทธิ์เป็นด่าง


     คนที่ท้องผูก จะมีของเสียที่เป็นกรด ( Acidic Waste ) ตกค้างในลำไส้ใหญ่ อันเนื่องจาก มีอุจจาระคั่งค้างของเสียเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าระบบเลือดพามาเก็บที่ตับและบางส่วนก็ไปตกค้างตามอวัยวะอื่นๆทั่วร่างกายร่างกายจำเป็นต้องสร้างสภาวะต่างมาทำลายฤทธิ์กรด เพราะอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้ไม่ดีในสภาพของกรดและเอ็นไซม์ ซึ่งสำคัญยิ่งต่อการทำปฏิกิริยาเคมีทุกชนิด ส่วนใหญ่ต้องทำงานในสภาวะของด่าง จึงจะมีประสิทธิภาพ

 

   โดยนายแพทย์ Paavo Airola แนะนำว่าอาหารที่บริโภค ควรเป็นด่าง 4 ส่วนและเป็นกรดเพียง 1 ส่วน จึงจะเกิดความพอดี ทั้งทำให้ร่างกายต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บได้เป็นอย่างดี ดังนั้น น้ำดื่ม เช่น น้ำแร่ที่มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน ๆ จึงถือได้ว่าเป็นน้ำดื่มในอุดมคติ  ส่วนผักที่ผู้เขียน  ขอแนะนำให้รับประทาน คือ ผักขม ( Spinach ) เพราะ ผักขมเป็นผักที่มีฤทธิ์เป็นด่างสูงพอสมควร

 

มะเร็งไม่ชอบออกซิเจน

     ในปีค. ศ. 1932 (พ. ศ. 2475) นายแพทย์ Otto Warburg ได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์เพราะเป็นผู้ค้นพบว่าเนื้องอกจะชอบอาศัยในที่ไม่มีอากาศและเขาสรุปว่าเนื้องอก (หมายถึงมะเร็ง) ชอบเกิดในที่ปราศจากออกซิเจน ( Cancer occurs in the absence of free Oxygen )

     การค้นพบครั้งนี้ นับว่ามีค่ายิ่ง และในวงการแพทย์เห็นว่า เขาสมควรได้รับรางวัลโนเบล ( Nobel Prize ) อย่างแท้จริง โดยผลของการศึกษาของนายแพทย์วอร์เบิร์กนี้ อาจจะพูดง่าย ๆ ว่ามะเร็งเกิดขึ้น เพราะการขาดออกซิเจนภายในร่างกาย 

       ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่ ทำให้ร่างกายเกิดการขาดออกซิเจนขึ้นสิ่งนั้น ก็คือ ต้นเหตุของการเกิดมะเร็ง และสิ่งที่ทำให้ร่างกายมีออกซิเจนได้ตามปกติ หรือมีออกซิเจนสมบูรณ์สิ่งนั้น ย่อมป้องกันการเกิดมะเร็งได้สารละลายที่เป็นด่างจะมีออกซิเจนสมบูรณ์ เมื่อหันมาดูความเป็นกรด , ด่างในทางเคมีสารละลายที่มีค่า pH มากกว่า 7. 0 ถือว่าเป็นด่าง และจะมีคุณสมบัติที่ดึงออกซิเจนเอามาไว้ในสารละลายนั้น

    ในขณะที่สารละลายที่มีค่า pH ต่ำกว่า 7. 0 จะถือว่ามีฤทธิ์เป็นกรด และจะไม่ยืดออกซิเจน หรืออีกนัยหนึ่งออกซิเจนไม่มีละลายในน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดสารละลายที่เป็นด่างอ่อน ๆ จึงจะสามารถดึงออกซิเจนมาไว้กับตัวได้มากกว่า สารละลายที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ได้ถึง 100 เท่า เลยทีเดียว ถ้าหากตามผลงานของนายแพทย์ Warburg ความเป็นกรดของร่างกาย ก็จะเป็นตัวนำให้เกิดมะเร็งได้ เพราะออกซิเจนไม่ชอบอยู่ในที่เป็นกรตผลงานของนายแพทย์ Warburg ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ จนถึงทุกวันนี้ ( อ้างอิงจากศ. ดร. นพ. สมศักดิ์วรคามินหนังสือ Water of life ) อดีตอธิบดีกรมวิทยาศาตร์การแพทย์ และอดีตปลัดกระทรวงสาธารณะสุข

น้ำไฮโดรเจนเป็นน้ำที่มีก๊าซไฮโดรเจนเล็กน้อยพร้อมกับแมกนีเซียมเล็กน้อย ส่วนประกอบเหล่านี้ทำให้น้ำไฮโดรเจนมีประโยชน์มากกว่าน้ำดื่มปกติ สาเหตุของการมีแมกนีเซียมในน้ำไฮโดรเจน คือ แมกนีเซียมสามารถทำปฏิกิริยากับโมเลกุลของน้ำเพื่อสร้างก๊าซไฮโดรเจน ที่อุณหภูมิสูงขึ้นไฮโดรเจนจะถูกปลดปล่อยในรูปของก๊าซไฮโดรเจน

     น้ำดื่มโดยประมาณมีไฮโดรเจนประมาณ 0.0017 กรัมต่อน้ำ 1 กิโลกรัม ( ที่อุณหภูมิห้อง ) ดังนั้น เพื่อให้ได้ไฮโดรเจน 1 กรัม จากน้ำดื่มปกติควรบริโภคน้ำประมาณ 588 กิโลกรัม แต่น้ำไฮโดรเจนมีปริมาณไฮโดรเจนสูงสุดที่สามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิที่กำหนด ดังนั้น การบริโภคน้ำไฮโดรเจนจึงมีประโยชน์มากกว่า

สุขภาพที่ดี เริ่มได้ที่ตัวคุณ ด้วยความปรารถนาดีจาก   น้ำดื่มอัลคาไลน์ (น้ำด่าง) ตราแมนเนเจอร์ (Alkaline Water pH8.5+ By ManNature)

อ่านบทความเพิ่มเติม

น้ำที่ไม่ควรดื่มเป็นแบบไหน

น้ำอัลคาไลน์ ช่วยสร้างความ ชุ่มชื่น ให้ร่างกาย


Tag :


บทความที่แนะนำ