เลือกดื่ม น้ำดื่มอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ให้ ดีต่อสุขภาพ
Share: facebook_share เลือกดื่ม น้ำดื่มอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ให้ ดีต่อสุขภาพ line_share เลือกดื่ม น้ำดื่มอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ให้ ดีต่อสุขภาพ twitter_share เลือกดื่ม น้ำดื่มอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ให้ ดีต่อสุขภาพ messenger_share เลือกดื่ม น้ำดื่มอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ให้ ดีต่อสุขภาพ

เลือกดื่ม น้ำดื่มอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ให้ ดีต่อสุขภาพ


วันนี้เราจะมานำเสนอการ เลือกดื่ม น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) อย่างไร ให้ ดีต่อสุขภาพ มาดูกันว่าในชีวิตประจำวัน เราจะเลือก น้ำดื่ม แบบไหน และ ดื่มน้ำ อย่างไร ให้มีสุขภาพดีอย่างแท้จริง

 

น้ำดื่มตามธรรมชาติ

หรือที่เรียกว่าน้ำดิบ ( raw water ) ซึ่งอยู่ทั่วไปตาม แหล่งน้ำธรรมชาติ มีคุณสมบัติทางชีวภาพ ที่ทำให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรง หากนำไปฆ่าเชื้อด้วยความร้อน หรือใส่สารฆ่าเชื้อ จะทำให้สูญเสีย คุณประโยชน์นี้ไป โดยไม่จำเป็น หากต้องการซื้อน้ำดื่ม ควรเลือกชนิดที่ “ ไม่ผ่านความร้อน ” หรือ “ น้ำดื่มธรรมชาติ ที่ไม่ผ่านกระบวนการ ฆ่าเชื้อใด ๆ ” จะดีกว่า แต่สำหรับเมืองไทย อาจจะยังไม่มี น้ำดื่มชนิดนี้วางจำหน่าย ให้เลือกดื่ม น้ำบริสุทธิ์จากแหล่งอื่นแทนค่ะ

 

น้ำดื่มอัลคาไลน์ ( Alkaline Water )

ปกติค่า ความเป็นกรด เป็นด่าง หรือ pH ในร่างกายของ คนมีสุขภาพดีจะอยู่ที่ 7.4 ซึ่งมีความเป็นด่างอ่อน ๆ ดังนั้นการดื่มน้ำด่าง ที่มีค่าเป็นด่าง หรือค่า pH ใกล้เคียงกัน จะดูดซึมแร่ธาตุ ได้ดี ปัจจุบันมี น้ำดื่มอัลคาไลน์ (  Alkaline Water ) ซึ่งเป็นน้ำดื่มที่มีไอออนสูง ถูกนำเสนอผ่านสื่อทั่วไป ว่ามีสรรพคุณช่วยบรรเทา อาการกรดเกิน ในกระเพาะอาหาร ท้องผูก เบาหวาน รูมาตอยด์ ( Rheumatoid Arthritis ) กระดูกพรุน ( Osteoporosis ) ภูมิแพ้ผิวหนัง ( Atopic dermatitis ) ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด แต่คุณสมบัติดังกล่าว ยังเป็นหัวข้อ ที่ถกเถียงกันอยู่ในหลายประเทศ อึกทั้งควรพิจารณา ให้ละเอียดก่อนซื้อ น้ำดื่มอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) เพราะพบว่า มีหัวเชื้อน้ำด่าง ซึ่งมีค่า pH สูงเกินมาตรฐาน เทียบเท่ากับโซดาไฟ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

 

น้ำกำจัดอนุมูลอิสระ ( ROS )

 

ในประเทศของญี่ปุ่นนั้น มีน้ำดื่มประเภทนี้ วางจำหน่ายอย่างแพร่หลายมากมาย ซึ่งได้มาจากบ่อน้ำแร่ หรือน้ำแร่ใต้ดิน และน้ำพุร้อน มีสรรพคุณในการกำจัดอนุมูลอิสระ ( ROS ) แต่สิ่งที่ควรระวังคือ น้ำที่ติดฉลากว่า น้ำบริสุทธิ์ตากธรรมชาติ หรือ น้ำแร่ธรรมชาติ แต่ความจริงคือน้ำ ที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว นำมาบรรจุขวดขาย ซึ่งน้ำดื่มประเภทนี้ แทบไม่มีคุณสมบัติ ทางชีวภาพหลงเหลืออยู่ จึงไม่ต่างจากการดื่มน้ำบริสุทธ์ทั่วไป

 

 

ระดับความเป็นด่าง ที่เหมาะกับร่างกาย

จากแหล่งน้ำทั่วโลก ทั้งหมดเป็น น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ที่มีแคลเซียมสูง แต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เช่น ถ้าผู้ป่วยโรคไต ดื่มน้ำด่างมากเกินไป อาจเกิดนิ่ว ในทางเดินปัสสาวะ หรือสำหรับคนทั่วไป หากดื่ม ในปริมาณมาก อาจทำให้ท้องเสียได้ การดื่ม น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ไม่เหมาะกับ สภาพร่างกายที่เหนื่อยง่าย บวมน้ำ หรืออยู่ในระหว่าง การรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากการดูดซึมแร่ธาตุ จาก น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) เข้าสู่ร่างกาย ต้องใช้พลังงานสูงกว่าปกติ จึงอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย ส่วนเด็ก ๆ ก็ไม่ควรดื่ม น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) เพราะระบบทางเดินอาหารยังไม่สมบูรณ์ ฉะนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกดื่มน้ำด่าง ควรพิจารณาค่า pH ให้เหมาะสมกับร่างกาย ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันดังต่อไปนี้

 

 

น้ำอ่อน ( Soft Water )

น้ำอ่อน ( Soft Water ) คือ น้ำที่ ผ่านการกรอง จนมีค่าความกระด้าง ต่ำกว่า 100 มิลลิกรัม ต่อลิตร ดื่มง่าย ไม่มีรสปร่า เหมาะสำหรับดื่มก่อนนอน หรือเมื่อร่างกายอ่อนเพลีย สามารถนำไปปรุงอาหาร ชงชา หรือชงกับนมผงให้ทารกก็ได้ แต่มีแร่ธาตุน้อย จึงไม่มีผลเชิงสุขภาพนัก

 

 

น้ำกระด้าง ( Hard Water )

น้ำกระด้าง ( Hard Water ) คือน้ำที่มี ค่าความกระด้าง สูงกว่า 100 มิลลิกรัม ต่อลิตร มีความขม และฝาด เพราะมีแมกนีเซียม ปริมาณมาก มีแร่ธาตุสูง หากดื่มเป็นประจำ จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพ แบบองค์รวมได้ แต่หากได้รับแมกนีเซียมมากเกินไป อาจทำให้ท้องเสีย กระเพาะอาหาร และลำไส้ผิดปกติได้

 

 

ควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร

ภายในร่างกาย ของผู้ใหญ่นั้น มักประกอบด้วยน้ำราว 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ร่างกายเด็กมีน้ำถึง 80 เปอร์เซ็นต์ สมมติว่าผู้ใหญ่ 1 คนมีน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม จะมีส่วนผสมของน้ำอยู่ที่ 40 ลิตร และในหนึ่งวัน คนเราจะสูญเสียน้ำ ออกไปราว 2.5 ลิตร โดยผ่านการปัสสาวะ และอุจจาระประมาณ 1.5 ลิตร ทางลมหายใจ 0.5 ลิตร และทางผิวหนัง 0.5 ลิตร

 

หากร่างกาย เกิดขาดน้ำสัก 2 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเริ่มส่งสัญญาณเตือนเรา ผ่านความรู้สึกคอแห้ง และกระหายน้ำ ปกติคนเราจะได้รับน้ำ จากอาหารที่กินเข้าไปประมาณ 1 ลิตร และน้ำที่เกิดจากการเผาผลาญสารอาหาร ประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันอีก 0.5 ลิตร ส่วนที่เหลือ จึงต้องมาจากการดื่มน้ำโดยตรง ในแต่ละวัน ร่างกายสูญเสียน้ำ ไม่เท่ากัน ถ้าวันไหนออกแรงหนัก หรืออากาศร้อนจนเสียเหงื่อ ร่างกายก็จะสูญเสียน้ำทันที 1 ลิตร

 

ด้วยเหตุนี้ จึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 2 ลิตร โดยดื่มครั้งละ 1 แก้ว และเริ่มจากการจิบ ทีละน้อยก่อนหากรู้สึกคอแห้งมาก เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำปริมาณมาก ในเวลารวดเร็วเกินไป

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

น้ำอัลคาไลน์ ช่วยให้ ผิวพรรณ ดูเปล่งปลัง สดใส

น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ดื่มก่อนนอน มีอันตรายหรือไม่

 

 


Tag :


บทความที่แนะนำ