วันนี้เราจะมานำเสนอการ ดื่ม น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ให้เป๊ะปัง ดื่มแล้วดีต่อสุขภาพ มาดูกันว่าในชีวิตประจำวันเราควรดื่มน้ำอย่างไรให้อายุยืน เพราะน้ำดื่มก็สำคัญในการดูแลตัวเอง
1. น้ำดื่มตามธรรมชาติ
หรือที่เรียกว่าน้ำดิบ ซึ่งอยู่ทั่วไปตามแหล่งน้ำธรรมชาติ มีคุณสมบัติทางชีวภาพที่ทำให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรง หากนำไปฆ่าเชื้อด้วยความร้อน หรือใส่สารฆ่าเชื้อ จะทำให้สูญเสียคุณประโยชน์นี้ไปโดยไม่จำเป็น หากต้องซื้อน้ำดื่ม ควรเลือกชนิดที่ “ไม่ผ่านความร้อน” หรือ “น้ำดื่มธรรมชาติที่ไม่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อใด ๆ”
2. น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) หรือ น้ำด่าง
ปกติค่าความเป็นกรดด่าง หรือ pH ในร่างกายของคนมีสุขภาพดีจะอยู่ที่ 7.4 ซึ่งมีความเป็นด่างอ่อน ๆ ดังนั้นการดื่มน้ำด่าง ที่มีค่าเป็นด่าง หรือค่า pH ใกล้เคียงกัน จะดูดซึมแร่ธาตุได้ดี
ปัจจุบันมี น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) หรือน้ำด่าง ซึ่งเป็นน้ำดื่มที่มีไอออนสูง น้ำเสนอผ่านสื่อทั่วไปว่ามีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการกรดเกินในกระเพาะอาหาร ท้องผูก เบาหวาน รูมาตอยด์ กระดูกพรุน ภูมิแพ้ผิวหนัง ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด แต่คุณสมบัติดังกล่าว ยังเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอยู่ในหลายประเทศ อึกทั้งควรพิจารณาให้ละเอียดก่อนซื้อน้ำด่าง เพราะพบว่า มีหัวเชื้อน้ำด่าง ซึ่งมีค่า pH สูงเกินมาตรฐาน เทียบเท่ากับโซดาไฟ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้
3. น้ำกำจัดอนุมูลอิสระ ROS
ในประเทศญี่ปุ่นมีน้ำดื่มประเภทนี้วางจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ซึ่งได้มาจากบ่อน้ำแร่ หรือน้ำแร่ใต้ดิน และน้ำพุร้อน มีสรรพคุณในการกำจัดอนุมูลอิสระ ROS แต่สิ่งที่ควรระวังคือ น้ำที่ติดฉลากว่า “น้ำบริสุทธิ์ตากธรรมชาติ หรือ “น้ำแร่ธรรมชาติ” แต่ความจริงคือน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วนำมาบรรจุขวดขาย ซึ่งน้ำดื่มประเภทนี้ แทบไม่มีคุณสมบัติทางชีวภาพหลงเหลืออยู่ จึงไม่ต่างจากการดื่มน้ำบริสุทธ์ทั่วไป
4. ระดับความเป็นด่างที่เหมาะกับร่างกาย
จากแหล่งน้ำมหัศจรรย์ทั่วโลกทั้งหมดเป็นน้ำด่างที่มีแคลเซียมสูง แต่ไม่ได้เหมาะกับทุกคน เช่น ถ้าผู้ป่วยโรคไตดื่มน้ำด่างมากเกินไป อาจเกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ หรือสำหรับคนทั่วไป หากดื่มในปริมาณมากอาจทำให้ท้องเสียได้ การดื่มน้ำด่างไม่เหมาะกับสภาพร่างกายที่เหนื่อยง่าย บวมน้ำ หรืออยู่ในระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากการดูดซึมแร่ธาตุจากน้ำด่างเข้าสู่ร่างกาย ต้องใช้พลังงานสูงกว่าปกติ จึงอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย ส่วนเด็ก ๆ ก็ไม่ควรดื่มน้ำด่าง เพราะระบบทางเดินอาหารยังไม่สมบูรณ์
ฉะนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกดื่มน้ำด่าง ควรพิจารณาค่า pH ให้เหมาะสมกับร่างกาย ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกันดังต่อไปนี้
คือน้ำที่ผ่านการกรองจนมีค่าความกระด้างต่ำกว่า 100 มิลลิกรัมต่อลิตร ดื่มง่าย ไม่มีรสปร่า เหมาะสำหรับดื่มก่อนนอน หรือเมื่อร่างกายอ่อนเพลีย สามารถนำไปปรุงอาหาร ชงชา หรือชงกับนมผงให้ทารกก็ได้ แต่มีแร่ธาตุน้อย จึงไม่มีผลเชิงสุขภาพนัก
คือน้ำที่มีค่าความกระด้างสูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อลิตร มีความขม และฝาด เพราะมีแมกนีเซียมปริมาณมาก มีแร่ธาตุสูง หากดื่มเป็นประจำจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพแบบองค์รวมได้ แต่หากได้รับแมกนีเซียมมากเกินไป อาจทำให้ท้องเสีย กระเพาะอาหาร และลำไส้ผิดปกติได้
5. ดื่ม น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ให้ได้วันละ 1.5-2 ลิตร
ในร่างกายของผู้ใหญ่ประกอบด้วยน้ำราว 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ร่างกายเด็กมีน้ำถึง 80 เปอร์เซ็นต์ สมมติว่าผู้ใหญ่ 1 คนมีน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม จะมีส่วนผสมของน้ำอยู่ที่ 40 ลิตร และในหนึ่งวัน คนเราจะสูญเสียน้ำออกไปราว 2.5 ลิตร โดยผ่านการปัสสาวะ และอุจจาระประมาณ 1.5 ลิตร ทางลมหายใจ 0.5 ลิตร และทางผิวหนัง 0.5 ลิตร หากร่างกายขาดน้ำสัก 2 เปอร์เซ็นต์ก็จะเริ่มส่งสัญญาณเตือนผ่านความรู้สึกคอแห้ง และกระหายน้ำ ปกติคนเราจะได้รับน้ำจากอาหารที่กินเข้าไปประมาณ 1 ลิตร และน้ำที่เกิดจากการเผาผลาญสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันอีก 0.5 ลิตร ส่วนที่เหลือจึงต้องมาจากการดื่มน้ำโดยตรง ในแต่ละวัน ร่างกายสูญเสียน้ำไม่เท่ากัน ถ้าวันไหนออกแรงหนัก หรืออากาศร้อนจนเสียเหงื่อ ร่างกายก็จะสูญเสียน้ำทันที 1 ลิตร ด้วยเหตุนี้จึงควรดื่ม น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) ให้ได้วันละ 1.5-2 ลิตร โดยดื่มครั้งละ 1 แก้ว และเริ่มจากการจิบทีละน้อยก่อนหากรู้สึกคอแห้งมาก เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับน้ำปริมาณมากในเวลารวดเร็วเกินไป
และนี่ก็คือการดื่ม น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) อย่างไรให้อายุยืน เนื่องด้วยประโยชน์ของ น้ำอัลคาไลน์ ( Alkaline Water ) มีมากมาย จึงเหมาะกับบุคคลทั่วไปเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญ เราไม่ควรให้ร่างกายมีสัญญาณเตือนว่ากำลังขาดน้ำนะคะ ควรจิบน้ำบ่อย ๆ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นตลอดเวลา
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม
บทความที่แนะนำ